วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วงการแพทย์ญี่ปุ่นตะลึงและยกย่องเห็ดหลิงจือ

วงการแพทย์ญี่ปุ่น ตะลึง และยกย่องเห็ดหลิงจือ
                มีประสิทธิภาพ และสรรพคุณผลต่อการบำบัดรักษาโรคต่างๆ
                1.โรคความดันโลหิตสูง และต่ำ          
                2.โรคหัวใจอันมีสาเหตุจากโรคความดันโลหิตสูง และลิ่มเลือด
                3.เป็นลมบ่อย น้ำตาลในเส้นเลือดสูง เส้นเลือดอุดตัน
                4.โรคหญิงวัยหมดประจำเดือน และโรคเฉพาะสตรี
                5.ท้องผูก ริดสีดวงทวาร      
                6.โรคตับอักเสบเรื้อรัง
                7.ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย
                8.โรคกระเพาะ โรคลำไส้เป็นแผล
                9.โรคภูมิแพ้ (เช่น แพ้อากาศ หวัดเรื้อรัง)           
            10.โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคหอบหืด
            11.ปวดเอว ปวดข้อ ไขข้ออักเสบ (โรคประจำตัวในวัยกลางคนขึ้นไป)
            12.โรคนอนไม่หลับ เซื่องซึม อ่อนเพลีย
            13.โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง เป็นต้น
            14.ต้านการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง
           15.ระงับการกระจายของเซลล์มะเร็ง
           16.ระงับอาการปวด
                ความสามารถในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ของเห็ดหลิงจือได้ยินได้ฟังแล้วแทบไม่น่าเชื่อ และเหลือเชื่อจนเหมือนเป็นยาวิเศษ ยาครอบจักรวาล แต่ในความเป็นจริง สามารถยืนยันได้จากการศึกษาค้นคว้าวิจัย และทดลองใช้กับผู้ป่วยมากมายได้เป็นสิ่งที่ยืนยันอย่างแน่ชัดเห็ดหลิงจือเป็นยาแผนโบราณชนิดหนึ่งที่มีวิธีการเข้าไปบำบัดรักษาอวัยวะภายในร่างกายโดยทำการปรับสภาพที่ผิดปกติให้เป็นปกติ แล้วเกิดพลังงานต่อต้านสิ่งที่จะจู่โจมจากด้านนอกเข้าสู่ภายใน

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มหัศจรรย์เห็ดหลิงจือ กับการบำบัดผู้ป่วย ตอนที่5

ผลทดลองบำบัดผู้ป่วย ตอนที่5
                รักษาโรคไตได้ผลเกินคาด
                โรคไตเป็นโรคที่รักษาให้หายขาดยากชนิดหนึ่ง โรคไตนี้แบ่งได้เป็นโรคไตเฉียบพลันกับโรคไตเรื้อรัง โรคเบาหวานมีสาเหตุมาจากไตไม่สมบูรณ์แข็งแรง รวมทั้งโรคไตเสื่อมและโรครูมาติก เป็นต้น โรคไตดังกล่าวมักเกิดจากเม็ดเลือดแดงมีคลอเลสเตอรอลมากเกินไปหรือไม่ก็น้ำมากเกินไป จนทำให้ไตหนักเกินอัตรา รวมทั้งการไหลเวียนของเลือดผิดปกติในหลอดเลือดจนทำให้เกิดเป็นโรคไต อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการบวมร่างกายอ่อนเพลีย เหล่านี้เป็นต้น และมีอาการสาหัสถึงขั้นทำให้เกิดการคั่งของปัสสาวะจากการที่ไตไม่สามารถกรองปัสสาวะได้
                ศาสตราจารย์ ฟูมิโอ ซึรุดานิ แห่งสถาบันการแพทย์มหาวิทยาลัยนางาโย้ ประเทศญี่ปุ่น ได้คัดเลือกผู้ป่วยโรคไตที่เป็นอาสาสมัครเพื่อทำการทดลองรักษาด้วยเห็ดหลิงจือ ผลปรากฏว่าเห็ดหลิงจือนอกจากสามารถลดโปรตีน และสลายคลอเลสเตอรอลแล้ว ก็ยังสามารถปรับสภาพการทำงานของไตให้เป็นปกติอีกด้วย
                จากการทดลองค้นคว้า และวิจัย ผู้ที่กินเห็ดหลิงจือสามารถบำบัดรักษาโรคไตได้เกือบ 100% นับเป็นผลอันมหัศจรรย์ยิ่งนัก
                โรคเบาหวานไม่ใช่เป็นสิ่งน่ากลัวอีกแล้ว
                ว่ากันว่า ถ้าหากเป็นโรคเบาหวานก็เท่ากับถูกโรคนี้ผูกพันติดตัวไปชั่วชีวิตกันทีเดียว เราได้ทำการทดลองบำบัดรักษาผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานเป็นจำนวนมากด้วยการให้กินเห็ดหลิงจือ เป็นที่ทราบกันดีว่า สารอินซูลินจะทำให้เป็นเบาหวานแล้วก็เกิดโรคแทรกซ้อนอีกมากมายหลายชนิด ในการบำบัดรักษาด้วยแผนปัจจุบันนั้นหมดมักจะใช้วิธีฉีดสารอินซูลินเข้าไป ก็ไม่มีวิธีอื่นใดอีกแล้ว แม้จะฉีดสารอินซูลินเพื่อเข้าไปควบคุมน้ำตาลก็เป็นการชั่วคราวเท่านั้น อาจเกิดผลข้างเคียงได้ นอกจากไม่สามารถบำบัดให้ไตสู่สภาพปกติแล้ว อาจทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น
                สถาบันวิจัยเภสัชกรรมแห่งมหาวิทยาลัยคันดิ ได้ทำการค้นคว้า และวิจัยเป็นเวลานานหลายปี ได้พบว่าเห็ดหลิงจือมีคุณสมบัติกับอินซูลิน ดังนั้นในการบำบัดรักษาด้วยวิธีการกินเห็ดหลิงจือแล้ว นอกจากเป็นการช่วยเสริมสร้างอินซูลินกลับคืนมาด้วยแล้วก็ไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการฉีดยาแผนปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องบำบัดด้วยการฉีดยาก็สามารถรักษาโรคเบาหวาน ช่างเป็นความมหัศจรรย์จริงๆ
                ดร.เอ ดับบลิว เซน แห่งสถาบันนิเวษวิทยา มหาวิทยาลัยจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ยอมรับว่านานนับศตวรรษแล้วที่ชาวจีนรู้จักใช้เห็ดหลิงจือรักษาโรคร้อยแปด และใช้เป็นจุดกำเนิดของความเป็นหนุ่มเป็นสาวไม่รู้จบ เขาได้ศึกษาต่อ และพบว่า สารสกัดบริสุทธิ์จากเห็ดหลิงจือให้ผลดีเกี่ยวกับระบบภูมิต้านทาน ระบบประสาท ระบบไหลเวียนของโลหิต และหัวใจ เขายังคิดว่าจะทำการทดสอบใช้กับโรคเอดส์

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มหัศจรรย์เห็ดหลิงจือ กับการบำบัดผู้ป่วย ตอนที่4

ผลทดลองบำบัดผู้ป่วย ตอนที่4
                เห็ดหลิงจือสามารถรักษา อาการปวดเอว ไหล่ และหัวเข่า โดยเฉพาะอาการปวดที่ได้ผลที่สุดคือ การปวดที่เกิดจากเส้นเลือดดำ
                นอกจากนั้น ผู้ที่ปวดกระดูกสันหลัง เมื่อได้กินเห็ดหลิงจือ หนึ่งเดือนให้หลังก็เห็นผล ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเห็ดหลิงจือมีผลในการบำบัดรักษาอาการปวดที่มีสาเหตุมาจากเลือด เส้นเลือด และเม็ดเลือดเป็นอย่างดี นั่นก็หมายความว่า อาการปวดที่เกิดจากเลือดตรงบริเวณเอวนั้นจะได้ผลในการบำบัดอาการปวดไขข้อที่บริเวณไหล่ คอ หัวเข่า สามารถรักษาหายได้รายหนึ่ง อาการปวดที่คอ ไหล่ มีอยู่สองราย ซึ่งก็ได้ผลจากกินเห็ดหลิงจือแต่อาการที่เกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังปิ้น จะไม่ได้ผล
                มีผลในการรักษาโรคเฉพาะสตรี เช่น ปวดประจำเดือน และหญิงวัยหมดประจำเดือน
                ดร.โยชิโนริ อินานิชิ แห่งโรงพยาบาบอิมานิช จีแนคโคโรจี้ แอนด์ อ็อบสเตททริคส์ เป็นสูตินารี ซึ่งคุ้นเคยกับอาการป่วยเป็นประจำเดือนของผู้หญิงเป็นอย่างดี เช่น อาการปวดหัวเป็นประจำ ปวดประจำเดือนเป็นปกติ และอาการมึนงงรวมทั้งอาการป่วยของหญิงวัยหมดประจำเดือน ฯลฯ ก็ให้กินเห็ดหลิงจือ
                สำหรับหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอดบุตร
                มักจะได้รับการสอบถามเสมอว่า กำลังตั้งครรภ์กินเห็ดหลิงจือได้หรือไม่ย่อมแน่นอน เมื่อตั้งครรภ์ผู้เป็นพ่อแม่ย่อมห่วงใย กังวล และปลื้มปิติยินดีเสมอ โดยเฉพาะสำหรับสาวๆ ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงนัก แล้วเป็นท้องแรกอีกด้วยในระหว่างตั้งครรภ์นั้นมักสนองตอบจากสิ่งกระทบด้านนอกได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นสภาพร่างกายหรือจิตใจ อันเนื่องจากต้องการให้ชีวิตใหม่เกิดมาด้วยความสมบูรณ์นั่นเอง ซึ่งเป็นผลที่เกิดจากธรรมชาติในร่างกายของผู้ตั้งครรภ์ ยิ่งเป็นสาวยุคใหม่ ผลกระทบจากสิ่งเร่งเร้าต่างๆก็เพิ่มมากขึ้น
                ในระหว่างหญิงตั้งครรภ์นั้น ในการกินเห็ดหลิงจือมีผลต่อสภาวะชีวะของร่างกายโดยจะช่วยบำบัดในด้านอาการแพ้ท้อง อาการอาเจียน รวมถึงการปัสสาวะก็สะดวกและแก้พิษในเลือด อีกทั้งเสริมบำรุงเลือดในท้องให้มีการเจริญเติบโตที่ดีนอกจากนั้น เห็ดหลิงจือจะมีส่วนช่วยหญิงที่แท้งง่าย เป็นการรักษา และปกป้องเด็กในครรภ์
                จากรายงานของ ศจ.คานาตะ แห่งมหาวิทยาลัยโต โฮคุ เชื่อว่า กินเห็ดหลิงจือแล้วช่วยให้หญิงสาว ชายหนุ่ม มีจิตใจกระชุ่มกระชวยคึกคักเป็นพิเศษ ปรับเชื้ออสุจิของชายให้มีความแข็งแรง รวมทั้งปรับสภาพร่างกายที่ผิดปกติของหญิงสาวให้มีการตกไข่อย่างสม่ำเสมอเป็นระบบ จากข้อมูลที่ได้รับรายงานต่างๆ น่าจะเชื่อว่า “เห็ดหลิงจือเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของหญิงสาว” เป็นสิ่งบำรุงที่เหมาะสมสำหรับสาวยุคใหม่ในการปรับสภาพร่างกาย บำบัดรักษาอาการทางชีวะร่างกาย การตั้งครรภ์ และในด้านการเสริมสวย เป็นต้น เห็ดหลิงจือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย และมีผลมีคุณค่าอย่างยิ่งทีเดียว

วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มหัศจรรย์เห็ดหลิงจือ กับการบำบัดผู้ป่วย ตอนที่3

ผลทดลองบำบัดผู้ป่วย ตอนที่3
                เห็ดหลิงจือใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบันมีผลยอดเยี่ยม หลังการผ่าตัดมะเร็งเต้านม กระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้
                สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็ง หลังจากที่ได้ทำการผ่าตัด หรือบำบัดแล้วสภาพร่างกายเกิดอาการย่ำแย่ อีกทั้งต้องทนทุกข์ทรมานอันเกิดจากผลข้างเคียงในการบำบัดรักษา
                จากรายงานดังกล่าวของผลกล่าวการรักษาจะเห็นได้ว่า ถ้าหากใช้เห็ด “หลิงจือ”ร่วมกับการรักษาด้วยแผนปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าผลการบำบัดรักษาเกิดประสิทธิภาพดีเยี่ยมกว่าการรักษาด้วยแผนปัจจุบันเพียงอย่างเดียว
                เพราะการบำบัดรักษาด้วยแผนปัจจุบัน ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ การเกิดผลข้างเคียงจากการใช้รังสี สารเคมี
                ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม หลังจากได้ทำการผ่าตัดบำบัดแล้ว ได้เกิดอาการผลข้างเคียงคือ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีดำ แต่ทว่าหลังจากที่กินเห็ดหลิงจืออีก 2 เดือนต่อมา สีหน้ากลับดีขึ้นอย่างมาก ผู้ป่วยอีกรายหลังจากทำการผ่าตัดมะเร็งเต้านม ต้องทนทุกข์ทรมานอั้นเกิดจากผลข้างเคียงของการรักษา ทำให้แขนขามือเท้ามีอาการชา และบวมหลังจากกินเห็ดหลืงจือติดต่อกัน อาการชาต่างๆก็ดีขึ้นมาก
                อีกรายหนึ่งของผู้ป่วยหลังการผ่าตัดมะเร็งในกระเพาะอาหารแล้วแย่ลง แต่เมื่อกินเห็ดหลิงจือ กินติดต่อกันจากนั้นไม่นาน การกินอาหารค่อยๆกระเตื้องขึ้น
                หลังการผ่าตัดของผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ เวลานอนจะมีอาการเหงื่อออกมากผิดปกติ ได้กินเห็ดหลิงจือร่วมด้วยติดต่อกันหลัง 10 วัน พบว่าเวลานอนไม่มีเหงื่อออกอีกและเจริญอาหารดีขึ้น
                ระงับการกระจายของเชื้อมะเร็ง ระงับอาการปวด ยืดชีวิตยาวนาน
                ในเห็ดหลิงจือมีสารโพลีแซคคาไรด์ที่เล่าสืบกันว่าสามารถรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งเสียงร่ำลือดังกล่าวนอกจากจะลือกันในประเทศจีน ญี่ปุ่นแล้ว ก็ร่ำลือไปถึงสหัฐอเมริกา แคนาดา สก็อตแลนด์ รัสเซีย เป็นต้น ทุกวันนี้สถาบันค้นคว้า และวิจัยทางการแพทย์ของนานาประเทศ ได้พยายามใช้วิธีการทันสมัยที่สุดของการศึกษาค้นคว้า และวิจัยด้วยวิธีการต่างๆ ในการบำบัดรักษาโรคร้ายนานาชนิด และยืนยันได้ว่า เห็ดหลิงจือมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคมะเร็งอย่างได้ผล
                ผลจากรายงานการรักษาโรคมะเร็งด้วยเห็ดหลิงจือนั้น เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการนำออกมาเผยแพร่ในวงการแพทย์ ดังนี้
                1.สารในการรักษามะเร็งอย่างมีผลที่สุดในหลิงจือ ได้แก่ โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) กับอินทรีย์สารเจอร์เมเนียม(Germanium)
                2.ประสิทธิภาพเกิดจาก “ผลร่วมกัน” หรือ “ผลทวีคูณ” ถ้าแยกรับประทานแล้วจะไม่ได้ผล
                3.เพิ่มพลังในร่างกาย เสริมสร้างร่างกายให้มีภูมิคุ้มกันจากภูมิแพ้ และรวมทั้งควบคุมการกระจายเชื้อมะเร็ง และการเจริญเติบโตของเชื้อมะเร็ง ตลอดจนการบำบัดรักษาเชื้อมะเร็ง
                4.หลังการผ่าตัดมะเร็งในทางเดินอาหาร มะเร็งในกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก เมื่อกินเห็ดหลิงจือแล้วจะได้ผลดี
                5.สามารถระงับอาการปวดของมะเร็งขั้นสุดท้าย กระตุ้นให้อยากรับประทานอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
                6.เห็ดหลิงจือสามารถใช้ร่วมกับวิธีการบำบัดรักษาทางแผนปัจจุบันได้ ดังเช่นการผ่าตัด การรักษาด้วยการฉายรังสี เคมีบำบัด โดยจะไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆอีก ทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษายิ่งขึ้น
                7.ผลสรุปจากรายงานการบำบัดรักษาโรคมะเร็งคือ เห็ดหลิงจือสามารถป้องกันควบคุม และบำบัดโรคมะเร็ง เป็นต้น

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มหัศจรรย์เห็ดหลิงจือ กับการบำบัดผู้ป่วย ตอนที่2

ผลทดลองบำบัดผู้ป่วย ตอนที่2
                มีผลในการบำบัดตับอักเสบ ชนิดเฉียบพลัน และเรื้อรัง
ดร.มิซึอี ฮาชิโมโต้ แห่งโรงพยาบาลฮาชิโมโต้ ได้นำเห็ดหลิงจือให้ผู้ป่วยโรคตับอักเสบรับประทาน ซึ่งปัจจุบันนี้วงการแพทย์ยังไม่สามารถค้นพบยาแผนปัจจุบันในการรักษาโรคตับอักเสบ ดังนั้น จึงเชื่อว่าการใช้ประสิทธิภาพของเห็ดหลิงจือในอนาคตจะมีความหมายมากขึ้น
ผลจากการรับประทานยาแผนปัจจุบันไม่ประสบผล จึงได้ให้รับประทานเห็ดหลิงจือวันละ 6 แคปซูล เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ได้พบว่าอาการเกือบหายเป็นปกติสำหรับอาการเสื่อมของตับซึ่งมี  GOT GPT 200-300 นั้น ได้ลดลงเหลืออัตรา 100
นอกจากนั้น จากการใช้ร่วมกับยาแผนโบราณของจีน ปรากฏว่า GOT GPT ได้ลดลงเช่นเดียวกัน สำหรับผู้ป่วยที่เป็นทั้งความดันโลหิตสูง และตับอักเสบ ก็พบว่ามีผลดีขึ้น
ผลดังกล่าวนี้ แม้จะไม่เป็นที่พอใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับผู้ป่วยเป็นโรคตับอักเสบแล้ว เห็ดหลิงจือก็มีส่วนที่จะช่วยบำบัดให้ทุเลาได้ไม่มากก็น้อย
ส่วนอาการตับเสื่อมนั้น จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลียมากผิดปกติ ดังนั้นถ้าหากรู้สึกว่ามีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายผิดปกติ ให้รับประทานเห็ดหลิงจือจะช่วยให้กระปี้กระเปร่า ขจัดอาการอ่อนเพลียได้เป็นอย่างดี
ความเชื่อในการรักษาโรคตับ ตับเป็นอวัยวะสำคัญส่วนหนึ่งภายในร่างกายของคนเรา ความสามารถของตับ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่กว้างใหญ่ไพศาลทีเดียว การรักษาโรคตับเป็นสิ่งที่วงการแพทย์ลงความเห็นกันว่าเป็นอาการที่รักษาได้ยากลำบากอย่างยิ่งโรคหนึ่ง กล่าวกันว่าการกำเริบของตับ จะใช้เวลาสั้นหรือยาวนนั้นเท่ากับการรักษาด้วยระยะเวลาสสั้นหรือยาวนานเช่นเดียวกัน และยังรักษาให้หายขาดได้ยากอีกด้วย ปัจจุบันนี้ ในวงการแพทย์แผนปัจจุบันยังไม่มีตัวยาใดที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ มีแต่การใช้ยาชะลอ หรือระงับไว้เป็นการชั่วคราวเท่านั้น
แต่เมื่อใช้เห็ดหลิงจือในการบำบัด กลับสามารถบำบัดโรคอันสุดแสนสับสนนี้ได้อย่างรวดเร็ว และได้ผล หรืออาจถึงขั้นปกติ จากการศึกษาวิจัย เห็ดหลิงจือสามารถรักษาบำบัดโรคนี้ได้ผลเป็นอย่างดียิ่ง ดร.ชิเงรุ ยูจิ ได้ทำรายงานไว้ว่า การใช้เห็ดหลิงจือในการบำบัดรักษาโรคตับนี้ด้วยระยะเวลา 2 เดือน จะสามารถรักษาให้หายได้ถึง 10 % จากความรู้สึกของผู้ป่วยว่า โรคตับได้รับการบำบัดจนดีขึ้นมีถึง 40% และอาการของโรคได้ทุเลาลงอย่างชัดเจนมีถึง 50%
บำบัดอาการเจ็บปวดได้อย่างเฉียบพลันของกระเพาะอาหาร ลำไส้ เป็นแผล
ได้ทำการทดลองใช้กับผู้ป่วยโรคการะเพาะอักเสบ แผลในกระเพาะ และแผลในลำไส้ ซึ่งได้พบในสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ ผู้ป่วยที่เป็นแผลในกระเพาะตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มแล้วมากำเริบในภายหลังนั้น แม้จะกินยาแผนปัจจุบันก็ไม่ได้ผลแต่หลังจากที่กินเห็ดหลิงจือผ่านไปแล้วหนึ่งอาทิตย์พบว่า อาการปวดกระเพาะลดน้อยลงอย่างมาก แม้ต่อมาจะลดการกินเห็ดหลิงจือน้อยลง ก็แค่ปวดการะเพาะวันละครั้ง หรือไม่ปวดเลย
นอกจากนั้น ภายหลังผ่าตัดมะเร็งในกระเพาะเนื่องจากต้องทนทุกข์ทรมานจากกระเพาะอักเสบ แผลในลำไส้ ปวดถึงทรวงอก รับประทานอาหารแล้วไม่ย่อย หรือแผลในกระเพาะที่ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย หมดแรง การกินเห็ดหลิงจือก็จะส่งผลบำบัดผู้ป่วยดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
การบำบัดโรคระบบทางเดินอาหาร
การใช้เห็ดหลิงจือในการบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคท้องร่วง ท้องเสีย ถ่ายท้องท้องผูกมีกรดในกระเพาะมากผิดปกติ หรือแผลในลำไส้ รวมทั้งอาการป่วยอื่นๆ ปรากฏผลได้อย่างน่าทึ่งมากทีเดียว เราได้ให้ความสนใจต่อประสิทธิภาพของเห็ดหลิงจือในการบำบัดโรคกระเพาะในทางยาก่อน ซึ่งในรายงานของ ดร.ชิเงรุ ยูจิ ได้รายงานถึงการใช้การใช้เห็ดหลิงจือในการบำบัดโรคกระเพาะ บำบัดแผลในกระเพาะได้อย่างผลอย่างดีเลิศ
ความสามารถของกระเพาะก็คือ ทำการย่อยสลายอาหารที่กินเข้าไปแล้วทำการดูดซับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ อีกทั้งไม่ทำให้อาหารที่เรากินเข้าไปเกิดกรดได้ง่าย หลังจากนั้นทำการขับถ่ายส่วนที่เสีย หรือไม่มีประโยชน์ออกจากร่างกายโรคกระเพาะที่เกิดกับคนยุคโลกาภิวัฒน์นี้ ส่วนใหญ่มาจากการกินอาหารจุเกินไป และอาหารเป็นพิษ อันเป็นผลทำให้กระเพาะได้รับผลกระทบ ดังนั้น เห็ดหลิงจือไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องกระเพาะของเราเท่านั้น ในเวลาเดียวกันก็ช่วยเสริมกระเพาะของเราให้ฟื้นกลับเป็นปกติ หรือมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มหัศจรรย์เห็ดหลิงจือกับการทดลองบำบัดผู้ป่วย ตอนที่1

ผลทดลองบำบัดผู้ป่วย ตอนที่1
                อาการปวดหัว ปวดไหล่ หรือเส้นเลือดใหญ่แข็งตัว
                “เป้าหมายการทดลองค้นคว้าของศาสตรจารย์ อิซาโอ ทานิ แห่งสถาบันเภสัชวิจัย มหาวิทยาลัยคันดิ จะอยู่ที่ผู้ป่วยเป็นความดันโลหิตสูง ได้พบว่าผู้ป่วยที่มีความดัน 180/96 mmHg ได้ลดลงเหลือเพียง 126/94 mmHg ภายในระยะเวลา 3 เดือน”
ทำไมมีผลต่อ “ความดันบน ความดันล่าง”...?
                ดร.ชิเงรุ ยูจิ แห่งมหาวิทยาลัยคันดิ ได้อธิบายถึงประสิทธิภาพของเห็ดหลิงจือในการบำบัดผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคหัวใจ และเส้นเลือดว่า
                1.รักษาความดันโลหิตสูง และความดันโลหิตต่ำ
                2.ลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดใหญ่แข็งตัว
                3.ป้องกัน และสลายการแข็งนัวเป็นลิ่มของเลือด
                4.ลดอาการเกิดผลข้างเคียงของยาที่ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง
                5.ใช้ร่วมกับยาลดความดันโลหิตสูง จะเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น
                จากจำนวนผู้ที่เป็นอาสาสมัครในการทดลองครั้งนี้ มีจำนวนมากที่หายขาดจากโรคดังกล่าว และบางคนมีความรู้สึกว่าหายขาดจากโรคดังกล่าว
                ผลสรุปดังกล่าว เห็นได้ชัดว่าเห็ดหลิงจือมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง ในด้านการใช้ยาแผนปัจจุบันเพื่อลดอาการลดความดันโลหิตสูงนั้น สามารถลดความดันบนลงได้แต่ความดันล่างกลับไม่ลด ในขณะที่เห็ดหลิงจือได้ทั้งลดความดันบน และความดันล่าง
                นี่คือความมหัศจรรย์ของเห็ดหลิงจือ!!!
                การทดลองรักษาเส้นเลือดในสมองอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจตาย (จากการขาดเลือดไปเลี้ยงชั่วขณะ)
                “โรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน กล้ามเนึ้อในสมองอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจอุดตัน และโรคปวดหัวใจ” เป็นอาการของโรคที่ค่อนข้างจะหนัก แต่ใช้เห็ดหลิงจือจะช่วยรักษา และบรรเทาอย่างได้ผล...
                การรักษาที่มีผลดีที่สุด เห็นจะได้แก่อาการอุดตันของเส้นเลือดสมองด้านขวา ผู้ป่วยรายหนึ่งที่โรคนี้กำเริบถึง 2 ครั้ง หลังจากที่ใช้ยาสลายเลือดร่วมกับเห็ดหลิงจือก็สามารถกลับสู่สภาพที่ตนเองเดินเข้าห้องน้ำได้อย่างสบาย...
                ผู้ป่วยอีกรายหนึ่งที่มีเส้นเลือดในสมองอุดตัน มีภาวะอัมพาตบางส่วน ไขมันส่วนเกิน และค่า  B-Lipoprotein ได้กลับสู่สภาพปกติภายหลังรับประทานเห็ดหลิงจือ
                ผู้ป่วยที่เป็นโรคปวดหัวใจจนกลายเป็นโรคนอนไม่หลับ รวมทั้งเส้นเลือดหัวใจอุดตัน หลังจากได้รับประทานเห็ดหลิงจือแล้ว อาการดีขึ้น จากการที่ได้ทำการทดลองกับผู้ป่วยอาการหนักหลายราย ซึ่งก็ได้พบว่า การใช้ร่วมกันระหว่างเห็ดหลิงจือกับยาแผนปัจจุบันแล้ว จะได้ผลดียิ่งขึ้นไม่ว่าอาการป่วยไข้ใดๆ ก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญควรจะมีการป้องกัน และรักษาไว้ก่อน ซึ่งการรับประทานเห็ดหลิงจือนั้นจะมีส่วนในการป้องกันการกำเริบของโรคต่างๆได้เป็นอย่างดี

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มหัศจรรย์เห็ดหลิงจือผู้ปลดปล่อยโรค

หลิงจือ เห็ดมหัศจรรย์ ผู้ปลดปล่อยโรคแห่งยุคโลกาภิวัตน์
                เป็นความจริงที่เห็ดหลิงจือเป็น “ยาครอบจักรวาล” ซึ่งจะไม่เอ่ยอ้างถึงการรักษาโรคภัยไข้เจ็บในยุคโลกาภิวัตน์ จะมีผลเป็นกรณีพิเศษหรือไม่ เพื่อเป็นการคลี่คลายคำตอบดังกล่าวรวมทั้งข้อข้องใจพื้นฐานต่างๆเราได้ใช้เวลาถึง13 ปี
                ก่อนอื่น เห็ดหลิงจือสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บสารพัดชนิดหรือ...? คำตอบของเรายืนยันได้อย่างแน่นอน เพราะคุณค่าทางยาของเห็ดหลิงจือมีประสิทธิภาพเข้าไปปรับสภาพร่างกายของคนเราให้แข็งแรงให้ฟื้นฟูสู่สภาพที่แข็งแรงได้ สำหรับ “คนป่วย” เห็ดหลิงจือสามารถที่จะเข้าไปถอนรากถอนโคนโรคร้ายชนิดนั้นๆ ให้หมดสิ้น ผู้ที่มีร่างกายไม่สมดุลก็จะถูกปรับสภาพให้อยู่ในสภาพสมดุลเป็นปกติ และมีประสิทธิภาพต่อคนเราทุกคน โดยไม่แบ่งเชื้อชาติใดๆทั้งสิ้น ถ้าหากร่างกายคนใดคนหนึ่งที่มีสภาพรวมเข้ากับเห็ดหลิงจือเป็นหนึ่งเดียวกันได้ละก็ ยิ่งเห็นชัดถึงประสิทธิภาพอันมหาศาล ตราบจนทุกวันนี้ยังไม่เคยปรากฎมีผู้ที่รับประทานเห็ดหลิงจือแล้วจะเกิดปฎิกิริยาในทางลบเลย
                วิธีกินเห็ดหลิงจือให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มี 2 วิธี
                1.สกัด
                2.ต้ม
                ฉะนั้นจึงไม่แนะนำให้กินเห็ดหลิงจือ “ชนิดบด” เพราะเห็ดหลิงจือเป็นพืช “เนื้อแข็ง” กระเพาะอาหารไม่มีพลังพอในการย่อยสลาย เมื่อย่อยสลายไม่ได้ร่างกายจึงไม่ได้รับสารที่มีประโยชน์ทางยาเท่าที่ควร เป็นเหตุให้เป้าหมายการักษาโรคไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวังไว้
                อย่างไรก็ต่ามเห็ดหลิงจือก็ยังคงความเป็นเห็ด “อมตะ” มีคุณค่าประโยชน์ทางยาแทบว่าจะครอบจักรวาลไม่เปลี่ยนแปลง
                เห็ดหลิงจือที่มีวางจำหน่ายกันมากมายหลายรูปแบบหลายยี่ห้อจะมีคุณภาพทางยามากน้อย อยู่ที่คุณภาพของเห็ด และขั้นตอนการผลิตของใครจะมีกรรมวิธีได้มาตรฐานเชื่ยวชาญกว่ากันเป็นหลัก
                หมายเหตุ กินเห็ดหลิงจือร่วมกับวิตามันซี จะทำให้การดูดซึมผ่านผนังลำไส้ได้ดียิ่งขึ้น
                วิธีการทดสอบ เห็ดหลิงจือสกัด-บด
                ใช้น้ำสะอาด 2 แก้ว เติมน้ำเท่ากัน แกะแคปซูลทั้ง 2 ชนิดลงในแก้วน้ำที่เตรียมไว้คนให้ละลาย ทิ้งไว้ 2-3 นาที ก็จะสังเกตได้
                ถ้าเป็นเห็ดหลิงจือสกัด น้ำในแก้วจะใสสะอาดออกสีน้ำตาล มีกลิ่นหอมของเห็ดหลิงจือ ถ้าเป็นเห็ดหลิงจือบด น้ำจะขุ่นข้น มีกากเห็ดนอนก้น สีเนื้ออ่อน มีกลิ่นไม่สะอาด กลิ่นสาบเล็กน้อย