วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ตำนานเห็ดหลิงจือ

ตำนานเห็ดหลินจือ
หลิงจือ เป็นเห็ดที่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์แพทย์ และยาจีนโบราณ โดยเชื่อว่าเป็นสิ่งสิริมงคล เป็นยาอายุวัฒนะ และใช้บำรุงร่างกาย
ตามประวัติของเห็ด หลิงจือ จากคัมภีร์โบราณของจีนเริ่มพบได้ประมาณสองพันสองร้อยปีเศษมาแล้ว โดยจักรพรรดิ ฉินซี ฮ่องเต้
ร้อยปีต่อมาในสมัยราชวงศ์ฮั่น จักรพรรดิ ฮั่นอู่ตี้ ได้ยกย่องให้เห็ดหลิงจือเป็นเห็ดสิริมงคล นำโชคลาภ และความเจริญมาสู่ประเทศ เมื่อมีผู้คนพบ และนำมาถวายพระองค์ก็จัดพิธีฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ถึงขนาดมีการนิรโทษกรรมนักโทษทั่วประเทศ
ต่อมาได้มีการรวบรวมตำรายา เสินหนงเปินเฉ่า จากประสบการณ์ของบรรดาผู้รอบรู้ จัดทำบันทึกขึ้นเป็นคัมภีร์ยาที่สมบูรณ์เล่มแรกของการแพทย์จีน คัมภีร์ดังกล่าวได้รวบรวมตำรายาไว้ 365 ชนิด แบ่งออกเป็นชั้นสูง-กลาง-ต่ำ โดยยาชั้นสูง 120 ชนิด เป็นยาที่ไม่มีพิษ หรือมีพิษน้อยมาก สามารถรับประทานต่อเนื่องระยะยาวโดยไม่อันตรายใช้เป็นยาบำรุงร่างกายเป็นยาอายุวัฒนะ และป้องกันความชราภาพของอวัยวะต่างๆและเห็ดหลิงจือ ถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้นๆของยาชั้นสูงด้วย
ในปี ค.ศ.1115 สมัยราชวงศ์ซ่ง มีคัมภีร์ ไทผิงเซิ่นอุ้ยฟ้ง กล่าวถึงตำรายาที่ใช้เห็ดหลิงจือไว้สองขนาน ได้แก่ อันดับที่ 90 ชื่อยาเม็ด จื่อจื้อ ใช้รักษาอาการมือเท้าเย็น ปวดข้อ เพิ่มความสดชื่น ลำดับที่ 198 ชื่อ เซิ่นตานฟัง เป็นตำรับยาเทวดา
ในปี ค.ศ.1317 เห็ดหลิงจือก็ปรากฏอยู่ในคัมภีร์โบราณจีนชื่อ เป่าเปียวจื่อ
ในปี ค.ศ.1452 เกาซื่อจิ่ง นักปราชญ์สมัยจักรพรรดิเหนียงอู่ตี้ ได้เขียนตำราสมุนไพรจีนชื่อ หมิงเอี่ยเปี้ยหลู่ ได้บรรยายสรรพคุณของเห็ดหลิงจื่อสีม่วงที่ขี้นตามขอนไม้ผุ ว่ามีสรรพคุณรักษา ฝี และหนอง
ในปี ค.ศ.1476 คัมภีร์ยา เจินหนานเปินเฉ่า ของมณฑลยูนานมีการระบุไว้ว่า เห็ดหลิงจือ เป็นยาอายุวัฒนะอย่างชัดเจน
ในปี ค.ศ.1593 ในคัมภีร์ เปิ่นเฉ่า ได้ บันทึกเรื่องเห็ดหลิงจือไว้อย่างน่าทึ่ง เปรียบประดุจเทวดา ขึ้นอยู่ตามภูเขาสูง หรือตามต้นไม้ใหญ่ หรือข้างลำธาร เมื่อนำมาตัมรับประทานแล้ว จะทำให้มนุษย์กลายเป็นเทวดา ไม่เจ็บไม่ไข้ ร่างกายแข็งแรงมีอายุยืนได้หนึ่งพันปี
เหมียนสื่อ ได้บันทึกเห็ดหลิงจือทั้ง 6 สายพันธุ์ไว้ว่าเป็นยาที่รู้กันดีเฉพาะผู้ที่เก็บเห็ดได้เท่านั้น
ในปี ค.ศ.1918 หลี่สือเจิน ปรมาจารย์ทางการแพทย์ในยุคสมัย ราชวงศ์หมิง ได้บันทึกไว้ในคัมภีร์ เป่าเฉ่ากั้งมู่ ได้บันทึกไว้ว่าการรับประทาน เห็ดหลิงจือ จะทำให้ตัวเบา ไม่แก่ชราตามอายุ และจะกลายเป็นเซียน หรือเทวดาได้
ดูจากหลักฐานที่มีการบันทึกจดจารย์ไว้ในแต่ละยุคแต่ละสมัย ล้วนแต่ใช้ประสบการณ์บอกเล่าของผู้กินเป็นข้อมูล
ส่วนรายละเอียดคุณประโยชน์สรรพคุณทางยามีน้อยมาก ในคัมภีร์แพทย์ และเภสัชกรรมของจีนในยุคก่อนๆ เพราะนอกจากเห็ดธรรมชาติจะหายากแล้ว ยังเกิดจากความเชื่อว่าเห็ดหลิงจือเป็นยาเทวดา เป็นยาอายุวัฒนะ ใครได้พบก็จะเป็น สิริมงคล ใครได้กินก็จะตัวเบา ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่แก่ชราตามอายุ ในที่สุดก็จะกลายเป็น เซียน
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อใครได้พบเห็ดหลิงจือจึงต้องรีบกิน หรือไม่เก็บซ่อนไว้กินเองโดยไม่ยอมเผยแพร่ และถ่ายทอด จึงทำให้ เห็ดหลิงจือ ได้รับการพัฒนาล่าช้าไร้ทิศทาง
ในปี ค.ศ.1949 ภายหลังการจัดตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน รัฐบาลได้มีนโยบายให้มีการพัฒนาทางการแพทย์จีนควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบัน มีการใช้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีเพื่อทำการศึกษาวิจัย ศึกษาถึงสรรพคุณทางยากันอย่างละเอียดซึ่งนับวัน นักวิทยาศาสตร์ต่างก็ค้นพบความมหัศจรรย์ และยอมรับในคุณประโยชน์ทางยาของเห็ดหลิงจือกันมากยิ่งขึ้น ว่าเห็ดหลิงจือจะยังคงความเป็น อมตะ ในคัมภีร์แพทย์จีนที่มีประวัติยาวนานหว่าพืชสมุนไพรอื่นใดทั้งสิ้น

1 ความคิดเห็น: